มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส กินสบายใจ (PGS Ginsabaijai)

  • Home
  • PGS กินสบายใจ
  • มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส กินสบายใจ (PGS Ginsabaijai)

มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ พีจีเอส กินสบายใจ (PGS Ginsabaijai)

“มีกิน มีแบ่งปัน มีรายได้ มีสุข”

สารบัญ

มาตรฐานการผลิต ข้าว เห็ด ผัก ผลไม้

ข้อห้าม 6 ข้อ

ข้อ 1 ห้ามใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมนสังเคราะห์ ยากำจัดแมลง ยาฆ่าหญ้า สารเคมีสังเคราะห์ และมูลสัตว์กรงตับ ทุกกระบวนการผลิต การใช้สารชีวภัณฑ์ ต้องใช้สารชีวภัณฑ์ที่คณะกรรมการ PGS กินสบายใจอนุญาตเท่านั้น กรณีที่มีการผลิตปุ๋ยใช้เอง ต้องมีการบันทึกแหล่งที่มาของวัตถุดิบ และต้องผ่านกระบวนการหมักที่สมบูรณ์ ในระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนนำมาใช้ในการทำเกษตรอินทรีย์

ข้อ 2 ห้ามใช้อุจจาระ ปัสสาวะมนุษย์ ขยะจากเทศบาล ขยะจากตลาดสด ของเสียจากโรงงาน ในการทำปุ๋ยหมักและปรับปรุงดิน

ข้อ 3 ห้ามใช้เมล็ดพันธุ์คลุกสารเคมี กรณีพันธุ์ข้าวจะต้องใช้เมล็ดพันธุ์อินทรีย์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเท่านั้น กรณีเมล็ดพันธุ์พืชผักหากไม่สามารถหาเมล็ดพันธุ์อินทรีย์และจำเป็นต้องใช้เมล็ดพันธุ์ทั่วไป ให้นำเมล็ดพันธุ์ไปล้างน้ำก่อนนำไปเพาะปลูก น้ำจากการล้างเมล็ดพันธุ์ให้นำไปทิ้งข้างนอกแปลง และห้ามใช้เมล็ดพันธุ์ที่ตัดต่อทางพันธุกรรม (GMO)

ข้อ 4 ห้ามปลูกพืชทั้งในระบบเกษตรอินทรีย์และเกษตรเคมีปะปนกัน

ข้อ 5 ห้ามเผาตอซัง หรือเศษวัสดุในแปลงเกษตร เพราะเป็นการทำลายอินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น การจัดการแหล่งระบาดของศัตรูพืช การเผาถ่านต้องกำหนดเขตบริเวณที่ชัดเจน

ข้อ 6 ห้ามมีบรรจุภัณฑ์ของสารเคมี ถุงปุ๋ยเคมีในบ้านหรือแปลงเกษตรอินทรีย์ ถังฉีด กระสอบ ถุง ลังที่ใช้เก็บผลผลิตเกษตรอินทรีย์ต้องสะอาด และไม่ใช้ ไม่เก็บ ปะปนกันกับการทำเกษตรเคมี

ข้อต้อง 13 ข้อ

ข้อ 1 เกษตรกรต้องทำเกษตรอินทรีย์เต็มแปลง ทั้งข้าว ผัก ผลไม้ และอื่นๆ โดยมีพื้นที่เพาะปลูก อย่างน้อย 1 งาน

ข้อ 2  พื้นที่การผลิตต้องไม่มีการใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมีหรือสิ่งต้องห้ามตามมาตรฐาน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือนสำหรับพืชผัก และข้าว และ 18 เดือนสำหรับไม้ยืนต้น ผลผลิตจึงจะได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ สมาชิกที่สมัครใหม่ต้องผ่านระยะปรับเปลี่ยนทุกคน

ข้อ 3 เกษตรกรต้องแจ้งพื้นที่การเกษตร ทั้งที่ตัวเองครอบครอง เช่า หรือให้เช่า จะมีโฉนดหรือไม่ก็ตามให้ครบทุกแปลง กรณีมีการเพิ่มหรือลดขนาดพื้นที่การผลิตต้องแจ้งให้คณะกรรมการ PGS กินสบายใจ และห้ามเปิดป่าสาธารณะเพื่อทำการเกษตร

ข้อ 4 แปลงเกษตรอินทรีย์ต้องแยกจากแปลงเกษตรเคมีอย่างชัดเจน อย่างน้อย 1 เมตร และถ้าแปลงข้างเคียงมีการใช้สารเคมี ต้องจัดทำแนวกันชนป้องกันการปนเปื้อนทั้งทางอากาศและทางน้ำ เช่น ปลูกพืชเป็นแนวกันชน พืชกันชนไม่ถือเป็นผลผลิตอินทรีย์

ข้อ 5 เกษตรกรต้องใช้น้ำภายในฟาร์ม จากน้ำฝน บ่อบาดาล หรือสระน้ำในไร่นาเท่านั้น ห้ามใช้น้ำจากแหล่งอื่นๆภายนอกฟาร์ม ยกเว้นน้ำจากแปลงข้างเคียงที่ทำเกษตรอินทรีย์ ในกรณีมีความจำเป็นต้องใช้น้ำจากภายนอก เกษตรต้องมีบ่อพักน้ำและพืชซับสารเคมีก่อนนำน้ำไปใช้ประโยชน์

ข้อ 6 เกษตรกรต้องจัดเก็บผลผลิตในแต่ละสถานะ เช่น เกษตรอินทรีย์,ปรับเปลี่ยน ออกจากกันอย่างชัดเจน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ กรณีข้าวอินทรีย์ ต้องแยกกองข้าวอินทรีย์ ข้าวอินทรีย์ระยะปรับเปลี่ยนและข้าวเคมี รวมทั้งชนิดข้าวออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ปะปนกัน ในการจัดเก็บข้าวในยุ้งฉางและการจัดส่ง กรณีพืชผักที่มีการเพิ่มชนิดพืชในแปลง ต้องแจ้งคณะกรรมการ PGS กินสบายใจก่อนเพาะปลูกทุกครั้ง

ข้อ 7 เกษตรกรต้องจัดการขยะไม่ให้กระจัดกระจาย ห้ามเผาขยะพลาสติก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนในแปลงเกษตรอินทรีย์

ข้อ 8 เกษตรกรต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและขยายแนวคิดเกษตรอินทรีย์ โดยต้องผ่านการประชุม อบรมความรู้เรื่องมาตรฐานและการทำเกษตรอินทรีย์ และร่วมกิจกรรมอื่นๆของกลุ่ม 

ข้อ 9 เกษตรกรต้องมีการจดบันทึกกิจกรรมในแปลงทุกขั้นตอน ทั้งการเพาะปลูก การใช้ปัจจัยการผลิต การขายผลผลิตให้สามารถตรวจสอบได้

ข้อ 10 เกษตรกรที่ใช้รถเกี่ยวอุ้ม หรือเกี่ยวนวดร่วมกันระหว่างเคมีและอินทรีย์ จะต้องทำความสะอาดรถเกี่ยวอุ้มก่อนนำไปใช้ และแยกข้าวที่ใช้ล้างเครื่องรถเกี่ยวอุ้มหรือเกี่ยวนวด 5 กระสอบแรก (ข้าวล้างเครื่อง) ไม่ถือว่าเป็นข้าวอินทรีย์

ข้อ 11 เกษตรกรต้องใช้กระสอบที่ไม่บรรจุปุ๋ยเคมีและสารเคมีมาก่อนในการบรรจุและจัดเก็บข้าว

ข้อ 12 ถ้ามีการเพาะปลูกพืชหลังนา เกษตรกรต้องทำในระบบเกษตรอินทรีย์เท่านั้น ไม่ว่าพืชชนิดใดก็ตาม

ข้อ 13 ในการผลิตเห็ดอินทรีย์ เกษตรกรต้องแจ้งแหล่งที่มาของวัตถุดิบในการผลิตเห็ด  กระบวนการผลิตเห็ดทุกขั้นตอน การจัดการฟาร์มเห็ด และต้องมีกันชนเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีจากภายนอก และแจ้งให้คณะกรรมการ PGS กินสบายใจทราบ

ข้อควร 8 ข้อ

ข้อ 1 เกษตรกรควรเลือกแปลงที่เหมาะสมในการทำเกษตรอินทรีย์

ข้อ 2 เกษตรกรควรมีการออกแบบแปลงเกษตรอินทรีย์ให้มีความหลากหลาย เพื่อรองรับการผลิตที่ยั่งยืน เช่น การทำเกษตรแบบผสมผสาน มีการหมุนเวียนปัจจัยการผลิตภายในแปลงทั้งสัตว์ พืช และไม้ยืนต้น

          ข้อ 3 เกษตรกรควรมีแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกอย่างเพียงพอ (บาดาล บ่อน้ำตื้น สระ)

ข้อ 4 เกษตรกรควรผลิตให้หลากหลาย ซึ่งประกอบไปด้วยพืชผักสวนครัว พืชผักล้มลุกอายุสั้น และผักยืนต้น รวมอย่างน้อย 50 ชนิด

ข้อ 5 เกษตรกร ควรมีการปลูกไม้ยืนต้น ผลไม้ในแปลงเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น อย่างน้อย 20 ชนิด (ยกเว้นถ้าเดิมมีอยู่แล้วมากกว่า 20 ชนิด)

ข้อ 6 เกษตรกรควรไถกลบตอซังหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ

ข้อ 7 เกษตรกรควรมีการเลี้ยงสัตว์อย่างน้อย 1-2 ตัว เช่น วัว ควาย หมู ไก่ เป็นต้น

ข้อ 8 เกษตรกรควรตากข้าวอย่างน้อย 2-3 แดดก่อนบรรจุและจำหน่าย หลังจากการเก็บเกี่ยวและนวด

มาตรฐานปศุสัตว์ กินสบายใจ

การเลี้ยงแบบสัตว์เลี้ยง

เช่น ไก่บ้าน ไก่ไข่ ไข่เป็ด หมู กุ้ง จิ้งหรีด โดยการเลี้ยงในบริเวณแปลงเกษตรอินทรีย์ มีทั้งปล่อยอิสระ และกักขังในพื้นที่ที่กำหนดไว้ ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน ดังนี้

ข้อ 1 ต้องเลี้ยงแบบไม่ขังกรงตับ

ข้อ 2 พื้นที่เลี้ยง ภายในโรงเรือน ต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 1 ตารางเมตร ต่อ 5 ตัว มีพื้นที่แปลงหญ้า ผัก สมุนไพร ให้สัตว์จิกหรือแทะเล็ม มีพื้นที่กลางแจ้งสำหรับออกกำลังตามความเหมาะสม และควรคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากพืชในฟาร์ม การจัดการธาตุอาหารที่สมดุล รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน  

ข้อ 3 อาหารสัตว์ ต้องประกอบด้วย อาหารเกษตรอินทรีย์ เช่น รำข้าว ปลายข้าวข้าวเปลือก ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50 %  อาหารสัตว์สำเร็จรูป ไม่เกิน 30 %  อาหารจากตลาดในท้องถิ่น เช่น ข้าวโพด ปลาป่น กากถั่วเหลือง 20% และเกษตรกรต้องแสดงแหล่งที่มาของอาหารให้คณะกรรมการ PGS กินสบายใจทราบ

ข้อ 4 ต้องไม่ใช้สาร/ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยาปฏิชีวนะ ใช้สมุนไพรแทนเมื่อสัตว์เจ็บป่วย เช่น ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ดปั่นให้กิน  

ข้อ 5 กรณีสัตว์เจ็บป่วย ต้องมีการแยกกรงออกมารักษาต่างหาก

การเลี้ยงแบบธรรมชาติ

โดยการปล่อยให้สัตว์ได้อยู่อาศัยแบบธรรมชาติในพื้นที่เกษตรอินทรีย์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ทั้งแปลงข้าว สระขนาดต่างๆ เช่น ปลา หอย กบ ปูนา อาจมีการใส่ปุ๋ยคอก ฟางข้าวจากแปลงนาอินทรีย์ หรือมีการปลูกผักบุ้ง  วัชพืชต่างๆเพื่อเติมระบบนิเวศน์ในสระ

มาตรฐานอาหารแปรรูปกินสบายใจ 5 ข้อ

ข้อ 1 อาหารแปรรูปที่จำหน่ายในตลาดนัดสีเขียวกินสบายใจ ต้องมีส่วนประกอบของวัตถุดิบเกษตรอินทรีย์อย่างน้อย 50 % 

ข้อ 2 ไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น สารกันบูด สารบอแรกซ์ ผงชูรส สารเร่งเนื้อแดง

ข้อ 3 ไม่ใช้โฟมในการบรรจุอาหาร รวมทั้งลดการใช้ถุงพลาสติกให้มากที่สุด ควรจัดใส่ภาชนะ หีบ ห่อ ที่มีความสอดคล้องกับธรรมชาติ และคำนึงถึงความปลอดภัยในอาหาร

ข้อ 4 ผู้ผลิตยินยอมให้คณะกรรมการ PGS กินสบายใจเข้าตรวจสถานที่วัตถุดิบ กระบวนการแปรรูป เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการผลิต

ข้อ 5 หากมีการพบว่าอาหารที่แปรรูปไม่มีความปลอดภัยในการบริโภค คณะกรรมการ PGS กินสบายใจ จะระงับการจำหน่ายสินค้าชนิดนั้นทันทีในกรณีที่จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างร้ายแรง แต่หากไม่เป็นอันตราย หรือไม่ร้ายแรง อาจจะแจ้งตักเตือน ระงับการจำหน่ายสินค้าชนิดนั้นในครั้งถัดไป

มาตรฐานผู้จำหน่ายสินค้าตลาดนัดสีเขียวกินสบายใจ 6 ข้อ

ข้อ 1 เกษตรกรต้องจำหน่ายผัก ผลไม้ที่ตนเองหรือกลุ่มผลิตขึ้น และผ่านการรับรองมาตรฐาน PGS กินสบายใจ  ห้ามซื้อสินค้าจากผู้อื่นมาจำหน่าย  ให้รับฝากขายจากสมาชิกที่ผ่านการรับรองฯเท่านั้น กรณีข้าวอินทรีย์ เกษตรกรต้องยื่นใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ต่อคณะกรรมการ PGS กินสบายใจ เช่น organic Thailand/IFOAM/EU

ข้อ 2 เกษตรกรต้องเป็นผู้มีแปลงเกษตรและผลผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน PGS กินสบายใจแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถนำผลผลิตที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในชุมชน เช่น เห็ด ปลา ไข่มดแดง ผักติ้ว หน่อไม้ มาจำหน่าย และต้องแจ้งแหล่งที่มา สภาพพื้นที่ วิธีการหา ให้คณะกรรมการ PGS กินสบายใจทราบทุกครั้ง 

ข้อ 3 เกษตรกรต้องให้ความร่วมมือ ไม่ปกปิดข้อมูลในกระบวนการผลิตกับคณะกรรมการ PGS กินสบายใจ และต้องยินยอมให้คณะกรรมการ PGS กินสบายใจ เข้าตรวจเยี่ยมแปลง สถานที่ผลิต ตรวจผลผลิต ได้ตลอดเวลา

ข้อ 4 การจัดการสถานที่ขายเป็นบทบาทของคณะกรรมการ PGS กินสบายใจ ห้ามแสดงสิทธิแบบถาวร  คณะกรรมการPGS กินสบายใจ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

ข้อ 5  เกษตรกรต้องตั้งคณะทำงานตลาด ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการภายใน และมีการประสานการทำงานกับโครงการกินสบายใจ และคณะกรรมการ PGS กินสบายใจ เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ

ข้อ 6 คณะกรรมการ PGS กินสบายใจ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาตัดออกจากการเป็นสมาชิก ในกรณีที่เกษตรกรมีทัศนคติในเชิงลบ และมีพฤติกรรมเป็นปฏิปักษ์ต่อการพัฒนากลุ่ม PGS กินสบายใจ หรือมีพฤติกรรมที่สร้างความแตกแยก ก่อให้เกิดความไม่สามัคคีกันภายในกลุ่ม

มาตรการพิจารณาและบทลงโทษ

1. ให้ออก จากการเป็นสมาชิก ถ้าสมาชิกไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อบังคับ ในส่วนที่ตักเตือนได้ จะต้องมีการตักเตือน 3 ครั้ง หลังจากตักเตือนแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามให้ยกเลิกการเป็นสมาชิก โดยมีมติของคณะกรรมการ PGS กินสบายใจเป็นลายลักษณ์อักษร

2. ให้สมัครเข้าสู่ระยะปรับเปลี่ยนใหม่ ถ้าสมาชิกมีการใช้ปุ๋ยเคมีหรือสารเคมีในแปลงเกษตร

3. ขยายระยะเวลาปรับเปลี่ยน ถ้าสมาชิกมีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มียี่ห้อที่โครงการกินสบายใจไม่อนุญาต

4. ไม่รับซื้อและรับรองผลผลิต  ถ้าสมาชิกมีการใช้เมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่ไว้ใจไม่ได้ อาจจะเป็นเมล็ดพันธุ์ GMO เป็นต้น

5. การตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าสมาชิกขาดการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น ประชุม อบรม จำนวน 3 ครั้ง โดยไม่มีการแจ้งและไม่ทราบเหตุผล ให้ทางโครงการกินสบายใจแจ้งเตือนทางวาจา หลังจากนั้นถ้ายังไม่มีการปฏิบัติตามการตักเตือน ให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร

6. ให้ยื่นใบลาออก ถ้าสมาชิกประสงค์จะลาออกให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษร