อบรมผู้ตรวจแปลง

กินสบายใจ สร้างนักส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และผู้ตรวจแปลง PGS หวังสร้างคน สร้างกลไก นำไปสู่การเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ของจังหวัดอุบลฯ

วันที่ 6-7 มิถุนายน 2567 ณ ห้องประชุม  POL301 ชั้น 3 อาคารปฏิบัติการรวม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โครงการกินสบายใจ มูลนิธิสื่อสร้างสุข ร่วมกับคณะทำงานจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์อุบลราชธานี ร่วมกันจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างนักส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และผู้ตรวจแปลง PGS รุ่นที่ 2  โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นแกนนำเกษตรกรอินทรีย์ จำนวน 50 คน

          นางสาวพรรณี เสมอภาค ประธานคณะกรรมการ PGS กินสบายใจ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของงานด้านการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เกิดจากเกษตรกรหันมาทำอินทรีย์มากขึ้น และขยับไปชวนเพื่อนทำ หรือส่งเสริม สนับสนุนเพื่อนให้เข้าสู่การรับรองมาตรฐานมากขึ้น เมื่อมีการผลิต มีมาตรฐาน เกษตรกรหลายรายได้ขยับเป็นผู้ประกอบการเกษตรอินทรีย์ ทำให้ต้องขยายให้มีสมาชิกในกลุ่มมากขึ้น หลายกลุ่มจึงต้องสร้างระบบควบคุมภายในกลุ่ม หรือ ICS-PGS มีกลไกการดำเนินงานของกลุ่ม ได้แก่ ผู้ตรวจแปลง PGS และนักส่งเสริมกลุ่ม 

          “ความคาดหวังในการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ต้องการสร้างหลักประกันว่า เครือข่ายได้ทำเกษตรอินทรีย์จริงๆ ผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นได้ เพราะมีผู้ตรวจแปลงและนักส่งเสริมในระดับกลุ่มที่มีมีหัวใจของนักส่งเสริมเกษตรอินทรีย์  มีความรู้ ความสามารถในเรื่องมาตรฐานและกระบวนการ เทคนิควิธีการตรวจแปลง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพ ทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำ ช่วยเหลือสมาชิกในกลุ่มในเครือข่าย ตลอดจนการตรวจรับรองมาตรฐานในระดับกลุ่ม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในจังหวัดอุบลราชธานี” 

           ดร.ศิริพร จันทนสกุลวงศ์ คณบดี คณะรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นตัวแทนคณบดีทั้ง 3 คณะ ได้แก่ คณะรัฐศาสตร์ คณะบริหารศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ ในนามคณะทำงานก่อตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์จังหวัดอุบลราชธานี ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม  นักส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และผู้ตรวจแปลง เป็นผู้ที่สามารถให้คำแนะนำ ให้ความรู้  ส่งเสริม และตรวจรับรองแปลงไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นเกษตรกรอินทรีย์ที่มีความรู้ มีความชำนาญอยู่แล้ว คณะรัฐศาสตร์ มีองค์ความรู้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร และมีส่วนในการผลักดันการจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่จังหวัดอบลราชธานี อันจะเป็นกลไกในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร รวมทั้งเพิ่มโอกาสการขยายผลด้านเกษตรอินทรีย์ในวงกว้างให้มากขึ้น

สำหรับหลักสูตรในการอบรมในครั้งนี้ มีจำนวน 2 วัน ประกอบไปด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่

การบรรยาย “หลักการเกษตรอินทรีย์และที่มามาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานตลอดห่วงโซ่อาหาร สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” และหัวข้อ “ระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ระดับท้องถิ่นถึงระดับสากล (มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) ICS และ IFOAM โดยนางสาวพรรณี เสมอภาค ประธานคณะกรรมการ PGS กินสบายใจ

การอภิปราย แลกเปลี่ยน “จริยธรรม และบทบาทหน้าที่ของผู้ตรวจแปลง” โดย คุณพิสมัย รัตนพลที ผู้ตรวจแปลง สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) 

การสาธิตการตรวจแปลง ฝึกปฏิบัติการตรวจ/เขียนรายงาน นำเสนอและให้ข้อเสนอแนะ มาตรฐาน PGS กินสบายใจ โดย คุณพิสมัย รัตนพลที และ นางสาวมาณิชรา ทองน้อย ผู้ตรวจแปลง สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.)

          การฝึกปฏิบัติการตรวจฟาร์ม เพื่อรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ กลุ่มละ 2 ฟาร์ม จัดทำรายงานผลการตรวจแปลง พิจารณารับรองในกลุ่มย่อย สรุป และเตรียมการนำเสนอผลการตรวจฟาร์ม นำเสนอผลการตรวจฟาร์ม และวิทยากรให้ข้อเสนอแนะ

          นายสามัคคี นิคมรักษ์ แกนนำเกษตรกร ผู้เข้าร่วมอบรม กล่าวว่าระบบควบคุมภายใน ICS หรือ Internal Control System เป็นระบบการตรวจรับรองภายในของกลุ่มเกษตรกร ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ควบคุมการผลิต ให้ไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งสมาชิกทุกคน จะต้องได้รับการตรวจประเมินและสอบทานความถูกต้องตามมาตรฐานภายในแปลง ที่อยู่ภายในสังกัดกลุ่มทุกแปลง เพื่อเป็นเครื่องมือยืนยันการผลิตตามมาตรฐาน มีความปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ที่มีระบบควบคุมภายใน ICS เช่นนี้ ยังสามารถยื่นขอรับรองมาตรฐานอินทรีย์จากหน่วยงานมาตรฐานรับรองอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งต่อผลผลิต ที่มีควาน่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน ไปในช่องทางการตลาดที่หลากหลาย กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

“กลุ่มเกษตรกรที่มีระบบควบคุมภายใน หรือ ICS ย่อมเป็นกลุ่มที่มีการคัดกรองและเข้มงวดในการผลิตมากขึ้น เพราะเป็นระบบที่ควบคุมคุณภาพ ในการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ให้ตรงตามขั้นตอน ได้มาตรฐาน และสามารถสอบทานย้อนกลับได้ตลอดกระบวนการผลิต ส่วนตัวรู้สึก ประทับใจกิจกรรมในครั้งนี้ และทำให้ได้เห็นมุมมองในการจัดการด้านมาตรฐานใหม่ๆที่สูงกว่าเดิมมากขึ้น หากมีเกษตรกรเข้าใจมาตรฐานเกษตรอินทรีย์มีจำนวนที่มากเพียงพอ ก็จะช่วยให้เกิดการส่งเสริมความเข้าใจในมาตรฐาน/วิธีการผลิตในระบบอินทรีย์ในพื้นที่ได้มากขึ้น ขยายวงกว้างได้ง่ายขึ้น ได้ผลผลิตปลอดภัย เกิดสมดุลทางธรรมชาติ และความอุดมสมบูรณ์ในระบบนิเวศน์กลับมามากขึ้นเช่นกัน”

Leave A Comment